บ่อเหล็กน้ำ พี้ เป็นแหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำพี้ หมู่ 1 ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ 56 กิโลเมตร โดยเป็นบ่อเหล็กกล้า[1]มีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ และปรากฏเตาถลุงเหล็กโบราณนับพัน ๆ แห่งในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร แต่บ่อที่สำคัญและสงวนใช้สำหรับพระมหากษัตริย์มีอยู่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และ บ่อพระขรรค์ มีการนำแร่เหล็กจากบ่อเหล็กน้ำพี้ไปถลุงทำอาวุธเพื่อใช้ในการศึกสงครามมา ตั้งแต่สมัยโบราณ ดังปรากฏหลักฐานทางประวัติศาตร์มากมายถึงความสำคัญของเหล็กน้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มี ความแข็งแกร่งและมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอาถรรพ์ในตัว โดยจัดให้เหล็กน้ำพี้อยู่ในโลหะธาตุตระกูลเดียวกับเหล็กไหล
ปัจจุบันบ่อเหล็กน้ำพี้ได้รับงบประมาณ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสร้างอาคารและปรับภูมิทัศน์ โดยจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทุกวัน เมื่อกล่าวถึง เหล็กน้ำพี้ หลายคนต้องนึกถึงเมืองอุตรดิตถ์ อันเป็นถิ่นกำเนิดที่รู้จักกันมาอย่างช้านาน โดยยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบเป็นคนแรก แต่มีความเชื่อกันทั่วอย่างแพร่หลายทั่วไปว่า ทนสิทธิ์ คือมีดีมีความขลังความศักดิ์สิทธ์ มีอาถรรพณ์ ป้องกันคุณไสยเสนียดจัญไรต่างๆ มีพุทธคุณดีในตัวเองทุกด้าน ถ้ามีไว้ในบ้านมีอาถรรพณ์ป้องกันคุณไสยเสนียดจัญไรต่างๆ คนโบราณประจักษ์กันว่าเป็นเหล็กกล้าเนื้อดีที่นำมาตีเป็นดาบเป็นอาวุธที่ วิเศษ ชั้นดีเลิศ
เหล็กน้ำพี้ ได้ชื่อว่าเป็นเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งและเหนียวเป็นพิเศษ เมื่อตีเป็นดาบหรืออาวุธต่างๆ จะมีสีเขียววาวเหมือนสีปีกแมลงทับ ดาบคู่มืออันลือชื่อของพระยาพิชัยดาบหักที่มีชื่อว่า “ดาบนันทกาวุธ” นั้นก็ตีจากเหล็กน้ำพี้ พระเครื่องชั้นยอดของไทย เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ก็มีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้เป็นสำคัญ และเมื่อ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 7 เถลิงถวัลยราชสมบัติ หลวงจริงราชษฎ์เจริญ นายอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์สมัยนั้นได้นำแร่เหล็กจากบ่อพระแสงตำบลน้ำพี้ มอบให้พระยาวิเศษถาชัย ข้าหลวงประจำจังหวัดอุตรดิตถ์(2469-2471) นำไปตีเป็นพระแสงดาบ แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ซึ่งเป็นพระแสงศาสตราวุธมาจนทุกวันนี้
ปัจจุบันเหล็กน้ำพี้ใช่เป็นเพียงเหล็ก ชั้นเยี่ยมของประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นเหล็กชั้นเยี่ยม หนึ่งในโลกก็ว่าได้จากชื่อเสียงและความต้องการทางด้านอุตสาหกรรม ทำให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการพลังงานมีความสนใจสืบค้นหลักฐานประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และจัดตั้งคณะทำงานเดินทางมายังบ่อเหล็กน้ำพี้ต้นตอของเรื่องทีเดียวหลังจาก ได้นำแร่เหล็กจากบ่อพระแสงี่บ้านน้ำพี้ไปทำการวิเคราะห์มวลสารแล้วได้ยืนยัน ว่าเหล็กน้ำพี้มีองค์ประกอบของแร่ธาตุที่หาได้ยาก มีความแข็งและเหนียวเป็นพิเศษ มีคุณลักษณะอ่อนในแข็งนอก ซึ่งนักปกครองและนักวัสดุศาสตร์ในไทยได้ค้นพบโดยประสบการณ์มานับร้อยปีแล้ว เป็นโลหะที่มีความสำคัญยิ่งต่อการอุตสาหกรรม และเมื่อทางสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ นำผลวิจัยและวิเคราะห์นั้นมาสังเคราะห์สร้างขึ้นใหม่ตามกระบวนการทางวิทยา ศาสตร์ด้วยการผสมวัตถุที่ค้นพบตามสัดส่วนนำการหลอมเหล็กออกมาก็สามารถที่จะ นำไปสร้างเป็นอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ โดยขณะนี้ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ดำเนินการผลิตตัวอย่างมีดทหารและเครื่องมือเครื่องใช้อื่นๆจะได้ถ่ายทอด เทคโนโลยีให้กับเอกชนในภายหลังเพื่อประโยชน์ในการอุตสาหกรรมต่อไปด้วย เหล็กน้ำพี้ได้ชื่อว่าเป็นเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งและเหนียวเป็นพิเศษ เมื่อตีเป็นดาบหรืออาวุธต่างๆ จะมีสีเขียววาวเหมือนสีปีกแมลงทับ ดาบคู่มืออันลือชื่อของพระยาพิชัยดาบหักที่มีชื่อว่า “ดาบนันทกาวุธ” นั้นก็ตีจากเหล็กน้ำพี้ พระเครื่องชั้นยอดของไทย เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ก็มีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้เป็นสำคัญ
บทความทางวิชาการ จากรายงานวิเคราะห์แร่เหล็กน้ำพี้ และโลหะเหล็กน้ำพี้ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยของภาควิชาวิศวกรรม โลหการคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกโดยการนำ เอาตัวอย่างสินแร่จากบ่อพระแสง และบ่อพระขรรค์ ตำบลน้ำพี้ อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ มาวิเคราะห์หาคุณสมบัติต่างๆ สรุปได้ว่า แร่เหล็กที่ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นแร่เหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดของเมืองไทย ควรนำวิทยาการสมัยใหม่ทำการประยุกต์ผลิตเหล็กที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ เหล็กน้ำพ้ำเป็นเครื่องใช้และเครื่องมือสำคัญก็ช่วยประหยัดงบประมาณของ ประเทศได้อย่างมากคุณพิเศษของแร่เหล็กน้ำพี้ มีองค์ประกอบของแร่หลายชนิด เช่น เหล็กแมงกานิส , ซิลิคอน , อลูมิเนียมและไทเทเนียม ส่วนธาตุอื่นๆมีอยู่ถึง ๒๐ ธาตุ พบว่ามีธาตุแปลกๆเช่น เซอร์โคเมียม, โบรอน ,อาร์เซนิค , ดีบุก ,ไนโอเนียม ,โดบอลต์ คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีความแข็งแรงและเหนียวอีกทั้งไม่เป็นสนิม มีสีเขียวเหมือนปีกแมงทับ เชื่อว่าเกิดจากอ๊อกไซร์ของเหล็ก ขณะเผาแล้วตี อ๊อกไซร์เหล่านี้จะเกิดขึ้นบริเวณผิวเกาะกันหนาทำให้มองเห็นเป็นสีเขียวกัน ไม่ให้เกิดสนิมเช่นอลูมิเนียมอ๊อกไซร์และโครเมียมอ๊อกไซร์เป็นต้นข้อสังเกตุ ในการตีดาบโบราณ กับการตีดาบในปัจจุบัน ในอดีตนั้นการตีดาบแต่ละเล่มจะใช้เนื้อเหล็กแท้ๆ โดยการเผาแล้วขูดเอาขี้ตะคันเหล็กออกจนหมดเมื่อได้เนื้อเหล็กแล้วจึงมาตี เป็นดาบหรือเครื่องใช้คุณสมบัติก็คือเนื้อดาบจะมันเงาไม่เป็นสนิมและมีความ คมกริบแทบไม่ต้องฝนเลยต่างกับการตีดาบในปัจจุบันที่แร่เหล็กที่นำมาตีนั้นหา ยากจึงนำเอาขี้ตะคันมาหลอมใหม่แล้วจึงนำมาตีแต่ก็ยังคงมีเนื้อเหล็กหลงเหลือ อยู่บ้างการตีดาบในสมัยนั้นต้องมีพิธีกรรมเริ่มจากการนำแร่การหาของผสมให้ ครบการก่อเตา ตีดาบการขุดเอาแร่ผู้ขุดจะต้องทำตัวให้บริสุทธิ เช่น ถือศีลเป็นเวลา ๗ - ๑๕ วัน นุ่งขาวห่มขาว หาฤกษ์วันเวลาในการบวงสรวงเจ้าที่ เพื่อขออนุญาติเจ้าที่ในการขุดตัดแร่เหล็ก น้ำพี้ซึ้งต้องทำพิธีตัดแร่กันในวันดับคือแรม ๑๕ ค่ำ เพราะเชื่อว่าจะได้แร่เหล็กที่ดีที่สุด และทำพิธีล้อมแร่เพื่อป้องกันแร่ธาตุหนี (พิสูจน์แร่เหล็กน้ำพี้ได้ โดยการนำแม่เหล็กมาใกล้ๆจะดูดติดทันที ไม่ว่าจะเป็นดาบ หรือลูกประคำ คนที่นับถือจะนำมาสักการะในรูปแบบต่างกันออกไปเช่นนำไปบูชานำไปคล้องคอ เพื่อเป็นสิริมงคลและเชื่อว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้สิ่งร้ายๆเข้ามาใกล้ตัว ได้)เหล็กน้ำพี้ของดีเมืองอุตรดิตถ์ที่ได้มีการบอกเล่ามาหลายชั่วอายุคน มีตำนานเรื่องเหล็กน้ำพี้ ดาบน้ำพี้ ของนักปกครองไทยแต่สมัยโบราณรวมทั้งศาสตราวุธของพระมหากษัตรย์ที่ทำด้วย เหล็กได้ผ่านจากบ่อพระแสง และได้รับการยืนยันทางวิทยาการเป็นครั้งแรกเหล็กน้ำพี้โดยการอเคราะห์ทาง วิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย แล้วพบหลักฐานยืนยันได้ กล่าวคือ มีคุณสมบัติเยี่ยมไม่แพ้เหล็กกล้าชั้นดีของประเทศต่างๆ เลย รวมทั้งให้แนวคิดด้านอารยะธรรมด้วย เช่น
ญี่ปุ่น มี ดาบซามูไร แสดงศิลปอารยธรรม ของชนชั้นปกครอง
อาหรับ มี ดาบวงพระจันทร์ หรือ ดาบดามัสกัส แสดงศิลปะอารยธรรม ของชนชั้นปกครอง
ไทย ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนว่า ดาบน้ำพี้ คือเครื่องหมายที่แสดงถึงศิลปะอายธรรมของชนชั้นปกครองของ ไทยแต่โบราณ
เหล็กน้ำพี้ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สืบเนื่องแห่งศิลปะอารยะธรรมไทยสมัยอยุธยาที่สูญหาย เป็นช่วงๆให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกอย่างหนึ่ง หมู่บ้านน้ำพี้ แห่งเมืองพิชัย-เมืองตรอนตรีสินธุ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในอดีต คาดว่าเป็นคลังแสงสรรพาวุธของอาณาจักรไทยสมัยสุโขทัยและสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ได้สร้างอาวุธนานาชนิดขึ้นกู้ชาติบ้านเมืองและป้องกันประเทศอย่างมี ประสิทธิภาพนับร้อยๆปีแล้ว ควรแก่การระลึกถึง หลักฐานเบื้องต้นหลายอย่างทำให้คิดว่าบ้านน้ำพี้ การตีเหล็กน้ำพี้ ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นแหล่งผลิตอาวุธที่สำคัญก็คือ พบเตาหลอมเหล็กในพื้นที่ต่างๆ จำนวนมากนับเป็นพันๆเตาในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ความรู้ทางวัสดุศาสตร์จากเหล็กน้ำพี้เป็นกุญแจไขความลับในอดีตที่สามารถนำมา ประยุกต์ใช้กับคนรุ่นปัจจุบันได้อีกหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งลดดุลการนำ เข้าเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประกอบด้วยเหล็กที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เช่น มีด พร้า เสียม จอบ หัวไถ สิ่ว ขวาน ค้อน และไขควง เป็นต้น
เหล็กน้ำพี้ ได้ชื่อว่าเป็นเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งและเหนียวเป็นพิเศษ เมื่อตีเป็นดาบหรืออาวุธต่างๆ จะมีสีเขียววาวเหมือนสีปีกแมลงทับ ดาบคู่มืออันลือชื่อของพระยาพิชัยดาบหักที่มีชื่อว่า “ดาบนันทกาวุธ” นั้นก็ตีจากเหล็กน้ำพี้ พระเครื่องชั้นยอดของไทย เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ก็มีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้เป็นสำคัญ และเมื่อ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 7 เถลิงถวัลยราชสมบัติ หลวงจริงราชษฎ์เจริญ นายอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์สมัยนั้นได้นำแร่เหล็กจากบ่อพระแสงตำบลน้ำพี้ มอบให้พระยาวิเศษถาชัย ข้าหลวงประจำจังหวัดอุตรดิตถ์(2469-2471) นำไปตีเป็นพระแสงดาบ แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ซึ่งเป็นพระแสงศาสตราวุธมาจนทุกวันนี้
ปัจจุบันเหล็กน้ำพี้ใช่เป็นเพียงเหล็ก ชั้นเยี่ยมของประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นเหล็กชั้นเยี่ยม หนึ่งในโลกก็ว่าได้จากชื่อเสียงและความต้องการทางด้านอุตสาหกรรม ทำให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการพลังงานมีความสนใจสืบค้นหลักฐานประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และจัดตั้งคณะทำงานเดินทางมายังบ่อเหล็กน้ำพี้ต้นตอของเรื่องทีเดียวหลังจาก ได้นำแร่เหล็กจากบ่อพระแสงี่บ้านน้ำพี้ไปทำการวิเคราะห์มวลสารแล้วได้ยืนยัน ว่าเหล็กน้ำพี้มีองค์ประกอบของแร่ธาตุที่หาได้ยาก มีความแข็งและเหนียวเป็นพิเศษ มีคุณลักษณะอ่อนในแข็งนอก ซึ่งนักปกครองและนักวัสดุศาสตร์ในไทยได้ค้นพบโดยประสบการณ์มานับร้อยปีแล้ว เป็นโลหะที่มีความสำคัญยิ่งต่อการอุตสาหกรรม และเมื่อทางสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ นำผลวิจัยและวิเคราะห์นั้นมาสังเคราะห์สร้างขึ้นใหม่ตามกระบวนการทางวิทยา ศาสตร์ด้วยการผสมวัตถุที่ค้นพบตามสัดส่วนนำการหลอมเหล็กออกมาก็สามารถที่จะ นำไปสร้างเป็นอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ โดยขณะนี้ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ดำเนินการผลิตตัวอย่างมีดทหารและเครื่องมือเครื่องใช้อื่นๆจะได้ถ่ายทอด เทคโนโลยีให้กับเอกชนในภายหลังเพื่อประโยชน์ในการอุตสาหกรรมต่อไปด้วย เหล็กน้ำพี้ได้ชื่อว่าเป็นเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งและเหนียวเป็นพิเศษ เมื่อตีเป็นดาบหรืออาวุธต่างๆ จะมีสีเขียววาวเหมือนสีปีกแมลงทับ ดาบคู่มืออันลือชื่อของพระยาพิชัยดาบหักที่มีชื่อว่า “ดาบนันทกาวุธ” นั้นก็ตีจากเหล็กน้ำพี้ พระเครื่องชั้นยอดของไทย เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ก็มีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้เป็นสำคัญ
บทความทางวิชาการ จากรายงานวิเคราะห์แร่เหล็กน้ำพี้ และโลหะเหล็กน้ำพี้ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยของภาควิชาวิศวกรรม โลหการคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกโดยการนำ เอาตัวอย่างสินแร่จากบ่อพระแสง และบ่อพระขรรค์ ตำบลน้ำพี้ อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ มาวิเคราะห์หาคุณสมบัติต่างๆ สรุปได้ว่า แร่เหล็กที่ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นแร่เหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดของเมืองไทย ควรนำวิทยาการสมัยใหม่ทำการประยุกต์ผลิตเหล็กที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ เหล็กน้ำพ้ำเป็นเครื่องใช้และเครื่องมือสำคัญก็ช่วยประหยัดงบประมาณของ ประเทศได้อย่างมากคุณพิเศษของแร่เหล็กน้ำพี้ มีองค์ประกอบของแร่หลายชนิด เช่น เหล็กแมงกานิส , ซิลิคอน , อลูมิเนียมและไทเทเนียม ส่วนธาตุอื่นๆมีอยู่ถึง ๒๐ ธาตุ พบว่ามีธาตุแปลกๆเช่น เซอร์โคเมียม, โบรอน ,อาร์เซนิค , ดีบุก ,ไนโอเนียม ,โดบอลต์ คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีความแข็งแรงและเหนียวอีกทั้งไม่เป็นสนิม มีสีเขียวเหมือนปีกแมงทับ เชื่อว่าเกิดจากอ๊อกไซร์ของเหล็ก ขณะเผาแล้วตี อ๊อกไซร์เหล่านี้จะเกิดขึ้นบริเวณผิวเกาะกันหนาทำให้มองเห็นเป็นสีเขียวกัน ไม่ให้เกิดสนิมเช่นอลูมิเนียมอ๊อกไซร์และโครเมียมอ๊อกไซร์เป็นต้นข้อสังเกตุ ในการตีดาบโบราณ กับการตีดาบในปัจจุบัน ในอดีตนั้นการตีดาบแต่ละเล่มจะใช้เนื้อเหล็กแท้ๆ โดยการเผาแล้วขูดเอาขี้ตะคันเหล็กออกจนหมดเมื่อได้เนื้อเหล็กแล้วจึงมาตี เป็นดาบหรือเครื่องใช้คุณสมบัติก็คือเนื้อดาบจะมันเงาไม่เป็นสนิมและมีความ คมกริบแทบไม่ต้องฝนเลยต่างกับการตีดาบในปัจจุบันที่แร่เหล็กที่นำมาตีนั้นหา ยากจึงนำเอาขี้ตะคันมาหลอมใหม่แล้วจึงนำมาตีแต่ก็ยังคงมีเนื้อเหล็กหลงเหลือ อยู่บ้างการตีดาบในสมัยนั้นต้องมีพิธีกรรมเริ่มจากการนำแร่การหาของผสมให้ ครบการก่อเตา ตีดาบการขุดเอาแร่ผู้ขุดจะต้องทำตัวให้บริสุทธิ เช่น ถือศีลเป็นเวลา ๗ - ๑๕ วัน นุ่งขาวห่มขาว หาฤกษ์วันเวลาในการบวงสรวงเจ้าที่ เพื่อขออนุญาติเจ้าที่ในการขุดตัดแร่เหล็ก น้ำพี้ซึ้งต้องทำพิธีตัดแร่กันในวันดับคือแรม ๑๕ ค่ำ เพราะเชื่อว่าจะได้แร่เหล็กที่ดีที่สุด และทำพิธีล้อมแร่เพื่อป้องกันแร่ธาตุหนี (พิสูจน์แร่เหล็กน้ำพี้ได้ โดยการนำแม่เหล็กมาใกล้ๆจะดูดติดทันที ไม่ว่าจะเป็นดาบ หรือลูกประคำ คนที่นับถือจะนำมาสักการะในรูปแบบต่างกันออกไปเช่นนำไปบูชานำไปคล้องคอ เพื่อเป็นสิริมงคลและเชื่อว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้สิ่งร้ายๆเข้ามาใกล้ตัว ได้)เหล็กน้ำพี้ของดีเมืองอุตรดิตถ์ที่ได้มีการบอกเล่ามาหลายชั่วอายุคน มีตำนานเรื่องเหล็กน้ำพี้ ดาบน้ำพี้ ของนักปกครองไทยแต่สมัยโบราณรวมทั้งศาสตราวุธของพระมหากษัตรย์ที่ทำด้วย เหล็กได้ผ่านจากบ่อพระแสง และได้รับการยืนยันทางวิทยาการเป็นครั้งแรกเหล็กน้ำพี้โดยการอเคราะห์ทาง วิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย แล้วพบหลักฐานยืนยันได้ กล่าวคือ มีคุณสมบัติเยี่ยมไม่แพ้เหล็กกล้าชั้นดีของประเทศต่างๆ เลย รวมทั้งให้แนวคิดด้านอารยะธรรมด้วย เช่น
ญี่ปุ่น มี ดาบซามูไร แสดงศิลปอารยธรรม ของชนชั้นปกครอง
อาหรับ มี ดาบวงพระจันทร์ หรือ ดาบดามัสกัส แสดงศิลปะอารยธรรม ของชนชั้นปกครอง
ไทย ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนว่า ดาบน้ำพี้ คือเครื่องหมายที่แสดงถึงศิลปะอายธรรมของชนชั้นปกครองของ ไทยแต่โบราณ
เหล็กน้ำพี้ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สืบเนื่องแห่งศิลปะอารยะธรรมไทยสมัยอยุธยาที่สูญหาย เป็นช่วงๆให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกอย่างหนึ่ง หมู่บ้านน้ำพี้ แห่งเมืองพิชัย-เมืองตรอนตรีสินธุ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในอดีต คาดว่าเป็นคลังแสงสรรพาวุธของอาณาจักรไทยสมัยสุโขทัยและสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ได้สร้างอาวุธนานาชนิดขึ้นกู้ชาติบ้านเมืองและป้องกันประเทศอย่างมี ประสิทธิภาพนับร้อยๆปีแล้ว ควรแก่การระลึกถึง หลักฐานเบื้องต้นหลายอย่างทำให้คิดว่าบ้านน้ำพี้ การตีเหล็กน้ำพี้ ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นแหล่งผลิตอาวุธที่สำคัญก็คือ พบเตาหลอมเหล็กในพื้นที่ต่างๆ จำนวนมากนับเป็นพันๆเตาในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ความรู้ทางวัสดุศาสตร์จากเหล็กน้ำพี้เป็นกุญแจไขความลับในอดีตที่สามารถนำมา ประยุกต์ใช้กับคนรุ่นปัจจุบันได้อีกหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งลดดุลการนำ เข้าเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประกอบด้วยเหล็กที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เช่น มีด พร้า เสียม จอบ หัวไถ สิ่ว ขวาน ค้อน และไขควง เป็นต้น